Index   Back Top Print

[ CS  - DE  - EN  - ES  - FR  - HR  - IT  - PL  - PT  - TH ]

สารของสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่

16
เนื่องในโอกาสวันเยาวชนโลก ครั้งที่
24

เราได้มอบความหวังไว้ในพระเจ้าผู้ทรงชีวิต” (1 ทธ 4:10)

 

พื่อนเยาวชนที่รักทั้งหลาย

ในวันอาทิตย์ใบลานนี้ เราจะฉลองวันเยาวชนโลก ครั้งที่

24 กันในระดับสังฆมณฑล ขณะที่เรากำลัง ตระเตรียมการเฉลิมฉลองประจำปีอยู่นี้ ทำให้พ่อรำลึกถึงการชุมนุมเยาวชนโลกที่นครซิดนีย์ เมื่อเดือนกรกฎาคม ของปีที่แล้ว ด้วยความรู้สึกกตัญญูต่อพระเจ้า ช่างเป็นการพบปะกันที่น่าจดจำอย่างยิ่ง ในครั้งนั้น พระจิตเจ้าได้ทรง ฟื้นฟูชีวิตเยาวชนนับไม่ถ้วนจากทั่วโลกที่ได้มาร่วมงาน ความยินดีจากการเฉลิมฉลองและความร้อนรนฝ่ายจิตที่ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสองสามวันนั้น เป็นเครื่องหมายอันเด่นชัดของการประทับอยู่ของพระจิตเจ้า และบัดนี้เรากำลัง มุ่งหน้าไปสู่การชุมชุมเยาวชนโลกที่จะจัดขึ้น ณ กรุงมาดริด ใน ค. . 2011 โดยหัวข้อของงานนำมาจากถ้อยคำของ นักบุญเปาโลอัครสาวกที่ว่า จงหยั่งรากลึกลงในพระองค์ และเสริมสร้างขึ้นในพระองค์ จงมีความเชื่ออย่าง มั่นคง” ( อ้าง คส 2: 7) ขอให้เราเตรียมตัวพร้อมๆ กัน ขณะที่เราเดินหน้ามุ่งไปสู่การชุมนุมเยาวชนโลกครั้งต่อไป พ่อขอเสนอหัวข้อของ ปี 2009 จาก ถ้อยคำของนักบุญเปาโลที่ว่า เราได้มอบความหวังไว้ในพระเจ้าผู้ทรง ชีวิต(1 ทธ 4:10) และในปี ค. . 2010 เราจะไตร่ตรองคำถามที่เศรษฐีหนุ่มได้ถามพระคริสตเจ้าว่า ท่านอาจารย์ ผู้ทรงความดี ข้าพเจ้าต้องทำอะไรเพื่อจะได้รับชีวิตนิรันดร(มก 10: 17)

 

วัยเยาวชน เป็นเวลาแห่งความหวัง

ที่นครซิดนีย์ เราให้ความสนใจกับสิ่งที่พระจิตทรงบอกกับผู้มีความเชื่อในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับพวกเธอ เยาวชนที่รักของพ่อ ในพิธีมิสซาบูชาขอบพระคุณปิดการชุมนุม พ่อได้กระตุ้นให้พวกเธอยอมมอบตนเอง ให้พระองค์หล่อหลอม เพื่อจะได้เป็นผู้สื่อสารแห่งความรักของพระเจ้า ที่สามารถสร้างอนาคตแห่งความหวังสำหรับ มวลมนุษยชาติ ประเด็นเรื่องความหวังเป็นประเด็นหลักในชีวิตของพวกเราในฐานะที่เป็นมนุษย์ และต่อพันธกิจ ของเราในฐานะคริสตชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคสมัยนี้ เราต่างตระหนักถึงความต้องการความหวัง ไม่ใช่ ความหวังทั่วๆ ไป แต่เป็นความหวังที่แน่วแน่และไว้วางใจได้ ดังที่พ่อตั้งใจย้ำในสมณสาสน์ว่าด้วยเรื่องความหวัง ของคริสตชน

รอดพ้นด้วยความหวัง” (Encyclical Spe Salvi) วัยเยาวชนเป็นช่วงเวลาพิเศษของความหวัง เพราะ เป็นวัยที่มองอนาคตด้วยความคาดหวังต่างๆ เมื่อเรายังหนุ่มยังสาว เราเต็มไปด้วยอุดมการณ์ ความใฝ่ฝัน และ การวางแผนมากมาย วัยหนุ่มวัยสาวเป็นเวลาแห่งการเลือกอย่างเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับช่วงเวลาที่เหลือของชีวิตซึ่ง จะทำให้บังเกิดผลสมบูรณ์ บางทีนี่อาจเป็นเหตุผลว่า เหตุใดจึงเกิดคำถามต่างๆ มากมายในช่วงนี้ของชีวิต อาทิเช่น ฉันมาอยู่ในโลกนี้ทำไมกัน ชีวิตมีความหมายอย่างไร ชีวิตฉันจะเป็นเช่นไรกัน รวมทั้ง ฉันจะมีความสุขได้อย่างไร ทำไมจึงมีความทุกข์ การเจ็บป่วย และความตาย จะเกิดอะไรขึ้นหลังความตาย คำถามเหล่านี้จะยิ่งเน้นย้ำ เมื่อเรา ต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ที่บางครั้งดูเหมือนทนแทบไม่ไหว เช่น ความยากลำบากของการศึกษา การตกงาน การทะเลาะวิวาทกันในครอบครัว วิกฤติด้านมิตรภาพ หรือการสร้างสัมพันธภาพแห่งความรักใคร่กลมเกลียวกัน โรคภัยไข้เจ็บหรือความพิการ การขาดทุนทรัพย์อันเนื่องมาจาก การแพร่ขยายของวิกฤตทางเศรษฐกิจและสังคม ทำให้เราถามตนเองว่า เราจะได้มาและจะรักษาดวงประทีปแห่งความหวังให้ลุกโชนอยู่ในจิตใจเราได้อย่างไรกัน

 

แสวงหา

ความหวังอันยิ่งใหญ่

ประสบการณ์สอนเราว่า คุณลักษณะส่วนตัวและทรัพย์สมบัติต่างๆ นั้น ยังไม่เพียงพอที่จะรับประกันถึง ความหวังซึ่งจิตใจมนุษย์กำลังแสวงหาอยู่เสมอๆ ดังที่พ่อได้เขียนไว้ในสมณสาสน์ว่าด้วยความหวังของคริสตชน

รอดพ้นด้วยความหวัง” (Encyclical Spe Salvi) แล้วว่า การเมือง วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เศรษฐศาสตร์ และ ทรัพยากรอื่นๆ โดยตัวมันเองแล้วยังไม่เพียงพอที่จะได้มาซึ่งความหวังอันยิ่งใหญ่ที่เราทุกคนมุ่งหวังกัน ความหวังนี้ จะมีก็แต่พระเจ้าแต่องค์เดียว ผู้ทรงอยู่เหนือทุกสิ่งและผู้ทรงมอบให้แก่เรา ในสิ่งที่ตัวเราเองไม่สามารถ หาได้” ( ข้อ 31) และนี่เป็นเหตุผลว่า การละทิ้งพระเจ้าก็คือการสูญเสียทิศทางอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งเป็นลักษณะสังคม ของเรา ยังผลให้เกิดความเปล่าเปลี่ยวใจและความรุนแรง ความไม่พึงพอใจและการขาดความเชื่อมั่น และบ่อยครั้ง นำมาซึ่งความสิ้นหวัง พระวาจาของพระเจ้าได้เตือนไว้ชัดเจนว่า พระเจ้าตรัสดังนี้ว่า คนที่วางใจในมนุษย์ และให้ เนื้อหนังเป็นมือของเขา และใจของเขาหันออกจากพระเจ้า คนนั้นก็เป็นที่สาปแช่ง เขาเป็นเหมือนพุ่มไม้ที่อยู่ใน ทะเลทราย และไม่มีความดีอันใดมาถึงเลย” ( ยรม 17:5-6)

แน่นอนว่า วิกฤติด้านความหวังนี้ส่งผลกระทบต่อวัยรุ่น ในสภาพแวดล้อมทางสังคมและวัฒนธรรมที่มี ความไม่แน่นอน คุณค่าหรือข้ออ้างที่ชัดเจนเล็กๆ น้อยๆ นี้ ทำให้เยาวชนต้องเผชิญกับอุปสรรคต่างๆ ที่ดูเหมือนจะ  รุนแรงมากกว่าที่พวกเขาจะรับได้ เยาวชนที่รักทั้งหลาย พ่อนึกถึงเยาวชนวัยเดียวกับพวกเธออีกมากมายที่ได้รับ บาดแผลจากชีวิต บ่อยครั้งที่พวกเขาต้องทนทุกข์อยู่กับการไม่สามารถเติบโตเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มที่ของตนเอง อันมีสาเหตุมาจากการแตกแยกทางครอบครัว จากองค์ประกอบทางการศึกษาที่ไร้กฎเกณฑ์และทำตามใจชอบ และ จากประสบการณ์ที่น่าหวาดกลัว สำหรับเยาวชนบางคน

( โชคไม่ดีเลยที่มีจำนวนมากทีเดียว) ทางออกที่หลีกเลี่ยง ไม่ได้คือ การหนีไปมีพฤติกรรมที่รุนแรงและเป็นอันตราย ติดสิ่งเสพติดและสุรา และยังมีกับดักทำนองเดียวกันนี้อีก มากมายสำหรับผู้ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไร อย่างไรก็ตาม แม้แต่ในหมู่เยาวชนที่พบว่าตนเองตกอยู่ในสภาพการณ์ที่ ลำบากลำบน ถูกนำให้หลงทางไปเพราะแบบอย่างที่ไม่ดีก็ตาม แต่ความปรารถนาต่อความรักแท้และความสุขที่จีรัง ก็ยังไม่ได้เหือดแห้งหายไป แต่เราจะบอกถึงความหวังเช่นนี้กับพวกเขาได้อย่างไรกัน? เราทราบดีว่า มีแต่ในพระ เจ้าเท่านั้นที่เรามนุษย์จะได้พบความสำเร็จแท้จริง ภารกิจหลักสำหรับเราทุกคนก็คือ การประกาศพระวรสาร รูปแบบใหม่ๆ จึงต้องมุ่งช่วยเหลือผู้ที่เยาว์วัยกว่าเราให้ได้ค้นพบพระพักตร์ที่แท้จริงของพระเจ้าผู้ทรงเป็นความรัก สำหรับพวกเธอเยาวชนที่รัก ผู้กำลังแสวงหาความหวังที่แน่นอน พ่อขอมอบถ้อยคำของนักบุญเปาโลที่ท่านได้เขียน ถึงคริสตชนที่ถูกปองร้าย ณ กรุงโรมในช่วงเวลานั้นว่า ขอพระเจ้าผู้ประทานความหวังโปรดให้ท่านทั้งหลายเปี่ยม ด้วยความยินดีและสันติทุกประการในการที่ท่านเชื่อเช่นนั้น เพื่อว่าท่านทั้งหลายจะได้รับความหวังอย่างเต็มเปี่ยม เดชะพระฤทธานุภาพของพระจิตเจ้า” ( รม 15:13) ขณะที่กำลังเฉลิมฉลองปีแห่งพระหรรษทานอุทิศแด่อัครสาวก สำหรับนานาชาติ เนื่องในโอกาสฉลองวันเกิดครบสองสหัสวรรษของท่าน ให้เราเรียนรู้ถึงการเป็นพยานยืนยันถึง ความหวังแบบคริสตชนจากท่านนักบุญ

 

นักบุญเปาโล พยานยืนยันถึงความหวัง

เมื่อท่านนักบุญเปาโลพบว่าตนเองจมปลักอยู่ในความทุกข์ยากและการทดลองต่างๆ ท่านได้เขียนจดหมาย ไปถึงคริสตชนชาวทิโมธี ศิษย์ผู้ซื่อสัตย์ของท่านว่า

เราได้มอบความหวังไว้ในพระเจ้าผู้ทรงชีวิต(1 ทธ 4:10) ความหวังเช่นนี้หยั่งรากลึกลงในตัวท่านได้อย่างไรกัน? สำหรับการตอบคำถามข้อนี้ เราต้องย้อนกลับไปยัง ช่วงเวลาที่ท่านได้พบปะกับพระคริสต์ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ บนถนนสู่เมืองดามัสกัส ในขณะนั้น เซาโลยังเป็น หนุ่มอายุประมาณ 20 ปี เศษ ๆ เช่นเดียวกับพวกเธอทั้งหลาย ท่านถือตามบทบัญญัติของโมเสสและมุ่งมั่นที่จะ ต่อสู้ทุกวิถีทาง แม้จะต้องฆ่าผู้ที่ถือว่าเป็นศัตรูของพระเจ้า (อ้าง กจ 9:1) ขณะที่ท่านกำลังเดินทางไปเมืองดามัสกัส เพื่อจับกุมบรรดาผู้ติดตามพระคริสต์ ท่านถูกทำให้ตาบอดด้วยแสงลึกลับ และท่านได้ยินเสียงเรียกชื่อท่านว่า เซา โล เซาโล ท่านเบียดเบียนเราทำไมเซาโลจึงทูลถามว่า พระเจ้าข้า พระองค์คือใครพระองค์ตรัสว่า เราคือเยซู ซึ่งท่านกำลังเบียดเบียน(กจ 9:3-5) หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น ชีวิตของท่านนักบุญเปาโลเปลี่ยนจากหน้ามือเป็น หลังมือ ท่านรับศีลล้างบาปและกลายเป็นอัครสาวกของพระวรสาร ระหว่างเดินทางไปเมืองดามัสกัส ท่านได้รับการ เปลี่ยนแปลงภายในด้วย ความรักของพระเจ้า ซึ่งท่านได้พบในพระบุคคลของพระเยซูคริสต์ ต่อมาท่านเขียนว่า ชีวิตที่ข้าพเจ้าดำเนินอยู่ในร่างกายขณะนี้ ข้าพเจ้าดำเนินชีวิตในความเชื่อถึงพระบุตรของพระเจ้าผู้ทรงรักข้าพเจ้า และทรงมอบพระองค์เพื่อข้าพเจ้า(กท 2:20) จากการเป็นผู้เบียดเบียน ท่านเปลี่ยนเป็นพยานยืนยันและเป็นธรรม ทูต ท่านได้ก่อตั้งกลุ่มคริสตชนมากมายในเอเชียไมเนอร์ และกรีก และเดินทางหลายพันไมล์ท่ามกลางภัยอันตราย ต่างๆ ในที่สุดท่านเป็นมรณสักขีที่กรุงโรม ทั้งหมดนี้ก็เพื่อความรักต่อพระคริสตเจ้านั่นเอง

 

ความหวังที่ยิ่งใหญ่คือพระคริสตเจ้า

สำหรับนักบุญเปาโลแล้ว ความหวังมิได้เป็นเพียงอุดมการณ์หรือความรู้สึกเท่านั้น แต่เป็นบุคคลที่มี ชีวิตชีวาคือพระเยซูคริสตเจ้า พระบุตรของพระเจ้า เมื่อเต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอย่างเต็มภาคภูมิเช่นนี้แล้ว ท่านจึงสามารถเขียนถึงชาวทิโมธีว่า

เราได้มอบความหวังไว้ในพระเจ้าผู้ทรงชีวิต(1 ทธ 4:10) พระเจ้าผู้ทรง ชีวิตคือ พระคริสตเจ้า ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ และทรงประทับอยู่ในโลกของเรา พระองค์คือความหวังเที่ยงแท้ นั่นคือ พระคริสตเจ้าผู้ทรงดำเนินชีวิตกับเราและภายในตัวเรา และทรงเรียกเราให้มีส่วนร่วมในชีวิตนิรันดรของ พระองค์ หากเราไม่อยู่โดดเดี่ยว หากพระองค์อยู่กับเรา ยิ่งไปกว่านั้น หากพระองค์คือปัจจุบันและอนาคตของเรา เราจะกลัวไปใย ดังนั้น ความหวัง คริสตชนก็คือการมุ่งมาดปรารถนาต่อ พระอาณาจักรสวรรค์และชีวิตนิรันดรว่า เป็นความสุขของเรา วางใจในพระสัญญาของพระคริสต์และไม่วางใจเพียงแต่ในพละกำลังของตัวเราเอง แต่วางใจ ในความช่วยเหลือจากพระหรรษทานของพระจิตเจ้า(คำสอนของพระศาสนจักรคาทอลิก, 1817)

 

วิถีสู่ความหวังอันยิ่งใหญ่

เช่นเดียวกับหนุ่มเปาโลที่ครั้งหนึ่งได้พบปะพระเยซูเจ้า พระองค์ประสงค์จะพบปะเราแต่ละคนด้วยเช่นกัน นะเยาวชนที่รักของพ่อ แท้จริงแล้วก่อนที่พวกเราจะปรารถนาเช่นนี้ พระเยซูคริสต์ทรงปรารถนาอย่างร้อนรนถึง การพบปะเช่นนี้ก่อนพวกเราแล้ว แต่บางทีพวกเธอบางคนอาจถามพ่อว่า ฉันจะพบปะกับพระองค์ได้อย่างไรใน ปัจจุบันนี้

? หรือถามว่าพระองค์จะทรงมาหาฉันอย่างไร? พระศาสนจักรสอนเราว่า ความปรารถนาที่จะได้พบกับ พระเจ้านั้นถือว่าเป็นผลจากพระหรรษทานแล้ว เมื่อเราแสดงออกถึงความเชื่อของเราในการภาวนา เราพบพระองค์ แม้ในช่วงมืดมนแห่งชีวิต เพราะพระองค์มอบพระองค์เองแก่เรา การภาวนาอย่างต่อเนื่องจะเปิดดวงใจเราให้รับ พระองค์ เหมือนเช่นที่นักบุญเอากุสตินได้อธิบายว่า พระเจ้าของเรา ... ประสงค์ให้เราแสดงความปรารถนาออกมา ทางคำภาวนา และดังนี้ก็ทำให้เราสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่พระองค์ทรงตระเตรียมไว้ให้เรา” ( จดหมาย 130:8,17) การ ภาวนาเป็นพระหรรษทานจากพระจิต ทำให้เราเป็นบุรุษและสตรีที่มีความหวัง และคำภาวนาของเราทำให้โลก เปิดรับพระเจ้า [ อ้าง พระสมณสาสน์ว่าด้วยเรื่องความหวังของคริสตชน รอดพ้นด้วยความหวัง” (Spe Salvi), 34]

จงจัดสถานที่สำหรับการภาวนาในชีวิตของเธอเถิด

! การภาวนาส่วนตัวเป็นสิ่งที่ดี แต่จะเป็นความงดงามยิ่ง และเกิดผลมากขึ้นไปอีกหากได้ภาวนาร่วมกัน เพราะพระองค์ทรงให้ความมั่นใจแก่เราว่า จะทรงประทับอยู่ในที่ที่มี สองหรือสามคนมาชุมนุมกันในพระนามของพระองค์ ( อ้าง มธ 18:20) มีวิธีการหลากหลายเพื่อที่จะชิดสนิทกับ พระองค์ มีประสบการณ์ต่างๆ นานา ทั้งในกลุ่มและในชุมชน การพบปะกันและหลักสูตรต่างๆ ซึ่งอาจเป็นการ เรียนรู้การภาวนา อันจะทำให้ประสบการณ์ด้านความเชื่อเติบโตยิ่งขึ้น การเข้าร่วมในพิธีกรรมของวัดที่เธอสังกัด เธอจะได้รับการหล่อเลี้ยงอย่างอุดมสมบูรณ์จากพระวาจาของพระเจ้า และจากการมีส่วนร่วมด้วยใจร้อนรนในพิธีศีล ศักดิ์สิทธ์ิ ดังที่เธอทราบมาแล้วว่า จุดสูงสุดและศูนย์กลางของชีวิตและพันธกิจของผู้มีความเชื่อทุกๆ คน และทุก ชุมชนคริสตชนก็คือ ศีลมหาสนิท ซึ่งเป็นศีลศักดิ์สิทธิ์แห่งการไถ่กู้โดยพระคริสต์เสด็จมาประทับอยู่ และทรงมอบ พระกายและพระโลหิตของพระองค์ เพื่อเป็นอาหารฝ่ายจิตสำหรับชีวิตนิรันดร์ ธรรมล้ำลึกอันมิอาจอธิบายได้ของศีล มหาสนิทนี้เองที่พระศาสนจักรได้ถือกำเนิดและเติบโตขึ้นมา และในครอบครัวใหญ่ของคริสตชนซึ่งเรามีส่วนร่วมเมื่อรับศีลล้างบาป และซึ่งเราฟื้นฟูอยู่เสมอๆ โดยทางศีลแห่งการคืนดี ผู้รับศีลล้างบาปโดยการรับศีลกำลังได้รับ การยืนยันจากพระจิตเจ้า เพื่อจะได้ดำรงชีวิตในฐานะเพื่อนและพยานยืนยันที่แท้จริงต่อพระคริสต์ ศีลบรรพชาและ ศีลสมรสจะช่วยให้เราสามารถทำหน้าที่ในพระศาสนจักรและในโลก ที่สุดแล้ว ศีลเจิมคนป่วยจะให้ประสบการณ์ การปลอบประโลมใจจากสวรรค์ในยามเจ็บป่วยและทุกข์ยาก

 

ดำเนินชีวิตตามแนวทางความหวังของคริสตชน

เยาวชนที่รักของเราทั้งหลาย หากเธอได้รับการหล่อเลี้ยงในพระคริสต์ และหากเธอดำเนินชีวิตในพระองค์ อย่างลึกซึ้งเช่นเดียวกับท่านนักบุญเปาโลอัครสาวกแล้ว เธอจะมิอาจหยุดยั้งที่จะกล่าวถึงพระองค์ และทำให้ พระองค์เป็นที่รู้จักและรักในท่ามกลางบรรดาเพื่อนและผู้คนร่วมยุคสมัยกับเธอ จงเป็นสาวกที่สัตย์ซื่อของพระองค์ เพราะด้วยการกระทำเช่นนี้เธอจะสามารถช่วยสร้างชุมชนคริสตชนมากมายที่เปี่ยมด้วยความรัก เช่นเดียวกับที่

หนังสือกิจการอัครสาวก ได้บรรยายไว้ว่า พระศาสนจักรต้องการเธอเพื่อสนองตอบความต้องการด้านการแพร่ธรรม จงอย่าท้อแท้กับความยากลำบากและการทดลองต่างๆ ที่ได้ประสบ จงอดทนและเพียรพยายามเอาชนะความโน้ม เอียงตามธรรมชาติของวัยหนุ่มสาวที่รีบเร่งจะมุ่งไปข้างหน้า และต้องการเห็นความสำเร็จในทันใด

เพื่อนรัก จงทำตามแบบอย่างของนักบุญเปาโลและเป็นพยานยืนยันถึงพระคริสต์ผู้กลับคืนพระชนมชีพ จง ประกาศถึงพระคริสต์ ท่ามกลางกลุ่มเพื่อนวัยเดียวกับเธอและคนต่างวัยด้วย แก่ผู้ที่กำลังแสวงหา

ความหวังอัน ยิ่งใหญ่ซึ่งจะให้ความหมายแก่ชีวิตของพวกเขา หากพระคริสต์ทรงเป็นความหวังของเธอแล้ว จงป่าวประกาศถึง สิ่งเหล่านี้ต่อไปยังคนอื่นๆ ด้วยความยินดีและด้วยชีวิตจิตใจ ด้วยการประกาศสอนและการผูกพันทางสังคม จงยอม ให้พระคริสต์ประทับอยู่ในตัวเธอ และเมื่อเธอได้มอบความเชื่อและความหวังทั้งสิ้นแด่พระองค์แล้ว จงเผยแพร่ ความหวังนี้ออกไปยังที่ที่เธออยู่ จงเลือกสิ่งที่แสดงออกถึงความเชื่อของเธอ จงแสดงให้เห็นว่าเธอเข้าใจถึงความ เสี่ยงจากการบูชาเงินตรา ทรัพย์สินฝ่ายโลก อาชีพ และความสำเร็จ และอย่ายอมให้ตัวเธอเองถูกล่อลวงโดยความ หลงผิดเหล่านี้ จงอย่าปล่อยตัวเองไปตามตรรกะของผลประโยชน์ส่วนตัว จงปลูกฝังความรักต่อพี่น้องทั้งหลายและ จงอุทิศตัวเอง พระพรและความสามารถทางงานอาชีพของเธอ เพื่อรับใช้สาธารณประโยชน์และรับใช้ความสัตย์จริง จงพร้อมเสมอที่จะให้คำอธิบายแก่ทุกคนที่ต้องการรู้เหตุผลแห่งความหวังของท่าน(1 ปต 3:15) คริสตชนที่แท้จริง จะไม่เป็นทุกข์โศกเศร้าแม้จะต้องเผชิญกับการทดลองต่างๆ นานา เพราะการประทับอยู่ของพระคริสต์คือเคล็ดลับ ของความยินดีและสันติในตัวของเขาเอง

 

พระแม่มารีย์ พระมารดาแห่งความหวัง

ขอท่านนักบุญเปาโลเป็นแบบอย่างแก่พวกเธอในชีวิตแพร่ธรรม ท่านหล่อเลี้ยงชีวิตแห่งความเชื่อและ ความหวังที่มั่นคงด้วยการเพ่งพิศไปยังอับราฮัม ตามที่ท่านนักบุญได้เขียนในจดหมายถึงชาวโรมันว่า

แม้ดูเหมือน ไม่มีความหวัง แต่อับราฮัมก็หวังและเชื่อว่า เขาจะเป็นบิดาของประชาชาติ จำนวนมากสมจริงตามพระสัญญาที่ว่า ลูกหลานของเจ้าจะมีจำนวนมากเช่นนั้น(รม 4:18) ตามรอยเท้าของผู้เปี่ยมด้วยความหวัง ซึ่งประกอบไปด้วย บรรดาประกาศกและบรรดานักบุญทุกยุคทุกสมัย เราก้าวหน้าไปสู่ความบริบูรณ์แห่งพระอาณาจักร และในวิถีทาง ฝ่ายจิตนี้ เรามีพระนางพรหมจารีย์มารีย์ พระมารดาแห่งความหวัง เป็นผู้ร่วมทาง พระนางผู้ให้กำเนิดแก่ความหวัง ของอิสราแอล ผู้มอบพระผู้ไถ่แก่โลก และทรงประทับที่เชิงกางเขนด้วยความหวังอันแน่วแน่ พระนางคือแบบอย่าง และผู้คอยสนับสนุนเรา เหนือสิ่งอื่นใด พระนางมารีย์ทรงภาวนาวิงวอนเพื่อพวกเรา และนำเราฝ่าความมืดแห่งการ ทดลองต่างๆ ของเราสู่รุ่งอรุณอันสดใสแห่งการได้พบกับพระคริสต์ผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ เยาวชนที่รักทั้งหลาย พ่อขอสรุปสารฉบับนี้ ด้วยคำภาวนาที่งดงามและรู้จักกันดีของนักบุญเบอร์นาร์ด ที่ ได้รับการดลใจจากพระนามหนึ่งของพระแม่คือ ดาราสมุทร ท่านผู้ที่อยู่ท่ามกลางความวุ่นวายของชีวิต พบว่า บ่อยครั้งตนเองนั้นถูกเขย่าให้โยกเยกไปมาด้วยพายุ มากกว่าจะได้ยืนบนผืนดินที่มั่นคง จงอย่าหันสายตาของท่าน ไปจากความสุกใสของดาวดวงนี้ แล้วท่านจะไม่โดนคุกคามโดยคลื่นลมที่ปั่นป่วน เมื่อพายุแห่งการประจญก่อตัวขึ้น เมื่อท่านตกลงไปติดอยู่บนก้อนหินแห่งความทุกข์ยาก จงเงยหน้าขึ้นไปหาดาวดวงนี้ เรียกหาพระแม่ ... ณ วาระแห่งภัยอันตราย ท่ามกลางความเศร้าโศก นาทีแห่งความสับสน จงคิดถึงพระแม่ จงเรียกหาพระแม่ ... หากติดตาม พระนางแล้ว ท่านจะไม่หลงทาง เมื่อวิงวอนขอให้พระนางช่วยเหลือ จงอย่ายอมให้ความสิ้นหวังมาครอบงำ หาก คิดถึงพระนางแล้ว ท่านจะไม่มีวันผิดพลาด ท่านจะไม่มีวันหลงทางภายใต้การอุปถัมภ์ของพระนาง ท่านจะไม่เกรง กลัวสิ่งใดภายใต้การปกป้องของพระนาง เมื่อมีพระนางเป็นผู้นำทาง ท่านจะไม่รู้สึกเหนื่อยอ่อน ด้วยความ ช่วยเหลือของพระนาง ท่านจะถึงท่าเทียบเรืออย่างปลอดภัย(บทเทศน์เพื่อสรรเสริญพระนางพรหมจารีย์ผู้เป็น มารดา 2:17)

พระมารดามารีย์ องค์ดาราสมุทร พวกเราวิงวอนพระแม่โปรดนำทางเยาวชนทั่วโลกไปสู่การพบปะกับพระ คริสต์ พระบุตรของพระแม่ ขอทรงเป็นผู้ปกป้องแห่งสวรรค์ ให้พวกเขาได้ซื่อสัตย์ต่อพระวรสารและต่อความหวัง ของพวกเขาเทอญ

เยาวชนที่รัก จงมั่นใจเถิดว่า พ่อจะระลึกถึงพวกเธอทุกคนและทุกวันในคำภาวนา พ่อขออวยพรพวกเธอ

จากใจจริงและอวยพรทุกคนที่เป็นที่รักของพวกเธอด้วย

 

จากกรุงวาติกัน

22 กุมภาพันธ์ 2009
เบเนดิกต์ ที่
16

 

(ถอดความโดย ภราดาสุรเดช วิสุทธิวรรณ 12 มี.. 2009)
(ปรับปรุงแก้ไขโดย แผนกเยาวชน คณะกรรมการคาทอลิกเพื่อคริสตชนฆราวาส, 16 มี.. 2009)

     



Copyright © Dicastero per la Comunicazione - Libreria Editrice Vaticana